ปรับสมดุลยังไง ให้คลายหลังล่าง ?
(อ่านเพิ่มเติม ที่บทความ)
รู้ยัง….วิธีจัดการ ?
“ต้นตอปวดร้าวลงขา” เมื่อนั่งนาน
เมื่อกลุ่มกล้ามเนื้อมัดนี้ (Gluteal muscle) กำลังมีปัญหาไม่สมดุล อ่อนแรง
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ก้น Gluteus maximus muscle
เมื่อเคลื่อนไหวเข่า หรือเวลาเดิน การเคลื่อนของลูกสะบ้าจะคลูดกับผิวข้อเกิดขัดๆ หรือเสียวๆ ในข้อเข่าก็เป็นได้
มีความเจ็บปวดลึกลงไปในก้น กระดูกก้นกบ
ที่ด้านหลังของต้นขา
ความไม่สมดุลนี้สะสมนานเข้าจะทำให้กล้ามเนื้อก้นอ่อนแรงมาก
เมื่อนั่งลงจะไม่มีความตึงตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อพยุงก็ทำให้เส้นเอ็นและเส้นประสาทที่ผ่านบริเวณนี้ถูกกดไปกับเบาะที่นั่งจนทำให้เกิดอาการขึ้นมา
และลุกลามไปปวดหลัง ปวดบั้นเอว ปวดกระเบนเหน็บนั้นก็เป็นการทดแทนของร่างกาย เพื่อหาจุดที่สบาย
เราปฎิเสธการใช้งานก้นที่ต้องนั่งทุกวันไม่ได้
แต่เราช่วยให้กล้ามเนื้อก้นคลายตัวมีความแข็งแรง
ยืดหยุ่นได้ ทั้งทางตรงทางอ้อม
ฝึกยืดกล้ามเนื้อทุกวันเท่าที่ไหว ควบคู่การทานเสริมอาหารซ่อมแซมบำรุงส่วนที่เสื่อม เพื่อประสิทธิผลที่ดีกว่าการทานยา คุมอาการปวดไว้นะ
ระยะที่หนึ่ง : ระยะเจ็บไหล่มีอาการดังนี้
1. เจ็บเมื่อมีการเคลื่อนไหวของ แขน
2. เจ็บทั่วไปบริเวณหัวไหล่ แต่ ไม่มีจุดกดเจ็บที่แน่นอน
3. มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (muscle spasm)
4. เจ็บมากขึ้นในเวลากลางคืน หรือเมื่ออยู่นิ่งๆ
ระยะที่สอง : ระยะข้อไหล่ติด มีอาการดังนี้
1. อาการเจ็บไหล่ เจ็บแขนลดลง
2. เพิ่มอาการติดขัด และจำกัด การเคลื่อนไหวของหัวไหล่
3. อาการเจ็บตอนกลางคืนและ ตอนอยู่นิ่งๆ ลดลง
4. รู้สึกเจ็บเมื่อมีการเคลื่อนไหว ช่วงสุดท้ายของแขนข้างนั้น
ระยะที่สาม : ระยะฟื้นตัวมีอาการดังนี้
1. อาการเจ็บลดลงเรื่อยๆ
2. แขนข้างที่เจ็บจะเคลื่อนไหวได้มากขึ้นอย่างช้าๆ
3. การฟื้นตัวจะหายเองได้แต่มักจะเคลื่อนไหวแขนได้ไม่สุดเหมือนที่เคยทำได้
สัญญาณเตือน ในคนไหล่ติด !
การเคลื่อนไหวที่ทำแล้วเจ็บ
1. กางแขนออกด้านข้างแล้วหงายฝ่ามือขึ้น
2. เหยียดแขนขึ้นไปหยิบของเหนือศีรษะ
3. เอื้อมมือไปหยิบของซึ่งวางบนเบาะหลังของรถ
4. ดันประตูหนักๆให้เปิดออก
5. การขับรถในคนไหล่ติดจะมีความลำบากในการหมุนพวง มาลัยรถ
6. เมื่อสระผมตัวเอง
7. เมื่อถูหลังตัวเอง
8. เมื่อสวมหรือถอดเสื้อยืดเข้าออกทางศีรษะ
9. เมื่อติดกระดุมเม็ดล่างด้านหน้าของเสื้อเชิ้ต
10. เมื่อล้วงของออกจากกระเป๋าหลังของกางเกง
สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดข้อไหล่ติดยังไม่ทราบแน่ชัด การเกิด ข้อไหล่ติดมักจะเกี่ยวข้องกับโรคอื่นๆ หลายโรค ที่พบบ่อยคือ ในคน ที่มีอาการอัมพาตครึ่งซีก
อาการเจ็บข้อไหล่ (ขัดยอกหัวไหล่) ถ้ารีบแก้ไขตั้งแต่แรกเป็นจะไม่ลุกลาม
แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว ในทิศทางที่เจ็บ อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการไหล่ติด ไปจนถึงข้อไหล่ ติดแข็งได้ในที่สุด
การฟื้นตัวจากอาการไหล่ติด ถ้าปฏิบัติตนเองจะต้องทราบและเข้าใจหลักการ คือพยายามยืดเยื่อหุ้มข้อไหล่ และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อไหล่
ปรับสมดุล ปวดสลักเพชร
ต้องลอง ถึงจะรู้!
วิธีปรับสมดุลที่จุดนี้คือ
1. นั่งขัดสมาธิเพชร แล้วค่อยๆเอนตัวนอนหงาย ให้หายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมกับพนมมือยึดไปทางศีรษะให้สุด เมื่อหายใจเข้าไปแล้วให้กลั้นไว้ นับ ๑-๑๐ ในใจ จึงค่อยๆเป่าลมออก ทำอย่างนี้จนอาการค่อยดีขึ้น
การหายใจเข้าไปลึกๆ คือ การเอาออกซิเจนเข้าไปแลกเปลี่ยนเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทิ้ง
หินปูนและพังผึด ที่เกาะบริเวณนี้ จะค่อยๆสลายไป เนื่องจากบริเวณที่มีเลือดเป็นกรด จะเกิดหินปูนเกาะได้ เมื่อแลกเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ความเป็นกรดของเลือดก็จะลดลง แต่ถ้าปรับด้วยวิธีนี้แล้ว ยังไม่หายดี ก็ควรใช้วิธีต่อไป
2. ปรับโดยวิธีการกดจุดสลักเพชร - จุดถุงน้ำดี ด้วยการใช้ตั้งแต่นิ้วโป้ง ฝ่ามือ ส้นเท้า เข่า หรือไม้สำหรับกดจุด กดบริเวณนี้ โดยเริ่มจากเบาที่สุดก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักในการกด เริ่มจากนิ้วโป้งไปตามลำดับหรือตามชอบ โดยการคลึงไปให้ทั่วๆ รอบๆ จุดสลักเพชรพร้อมกับให้คนไข้ปรับลมหายใจ ด้วยการหายใจเข้าลึกๆ แล้วเป่าลมออกยาวๆ เพื่อลดอาการเจ็บเวลาถูกกดจุด
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เช่น รีบเข้านอนก่อนสามทุ่ม หากเกิดความเครียดเมื่อไหร่ ให้รีบปรับลมหายใจให้หายใจยาวๆไว้ก่อน เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ชั่วคราว เปลี่ยนอิริยาบถทุกชั่วโมง หันมานับลมหายใจให้ได้อย่างน้อย ๓๐๐ ครั้ง เพื่อให้จิตอยู่กับลมหายใจแทน
4. นอนหงายราบกับพื้น ชันเข่าทั้งสองข้าง ปลายเท้าชิดกันอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเริ่มต้นบริหารโดยโยกขาทั้งสองข้างเหมือนผีเสื้อกระพือปีกบินอย่างช้าๆ ทำไปพร้อมกับปรับลมหายใจให้เข้ากับท่ากระพือ ตอนที่กำลังแบะขาออกนั้นให้พยายามแบะมากๆ(ให้เข่าติดพื้นทั้งสองข้าง) อาจจะเจ็บนิดๆ แต่เมื่อบริหารไปบ่อยๆ จะค่อยๆดีขึ้นเอง
5. ใช้ท่านอนคว่ำ เอามือแนบลำตัว คอพลิกตะแคงขวา หายใจเข้าไปลึกๆ แล้วค่อยๆเป่าลมออก พร้อมกับเหยียดเท้าซ้ายให้ตึงยกขึ้นช้าๆ เอี้ยวคอทางขวาขึ้นมามองปลายเท้าซ้ายให้ได้ เมื่อทำได้แล้ว ก็ให้พลิกคอไปอีกข้างหนึ่ง แล้วยกขาขวาเหยียดตึงขึ้นเอี้ยวคอทางซ้ายเพิ่อมองปลายเท้าซ้ายให้ได้ ทำอย่างนี้ไปมาจนอาการปวดดีขึ้น
ทุกครั้งที่จะปรับสมดุล ควรดื่มน้ำผักผลไม้ปั้น เช่น น้ำผักปั่น หรือ น้ำคั้นผักใบเขียวต่างๆที่หาได้ง่ายๆในพื้นที่ เช่น หญ้าปักกิ่ง หญ้าม้าอ่อมแซบ ใบหญ้านาง ใบกระเจี๊ยบ ยิ่งหาได้หลายชนิดยิ่งดี นำมารวมกัน แล้วใส่น้ำมะนาว หรือน้ำมะขาม ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลแดงนิดหน่อย พอหวาน เพื่อให้รสอร่อยเป็นกลาง เมื่อดื่มก่อนปรับสมดุลทุกครั้ง จะทำให้ร่างกายปรับสมดุลได้เร็วยิ่งขึ้น
การที่เรามีปัญหาที่จุดสลักเพชรนั้น หมายถึงร่างกายกำลังต้องการสารอาหารจำนวนมากไปสร้างเม็ดเลือด ฮอร์โมน และน้ำหล่อเลี้ยงในส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าปวดมากแสดงว่าขาดสารอาหารมาก เราควรใช้การปรับสมดุลตามวิธีที่ได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อสารอาหารในเลือดไม่สามารถส่งไปทั่วร่างกายได้ ร่างกายของเราจะสื่อสารผ่านอาการปวดตึงช่วงบ่า ตามแนวเส้นลมปราณถุงน้ำดี บางท่านจะมีอาการปวดตึงขึ้นศีรษะ มึนศีรษะ ชามือเป็นประจำร่วมด้วย
สาเหตุที่สารอาหารในเลือดไม่สามารถส่งผ่านไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เพราะ
1. สารอาหารในเลือดน้อยลงมาก เกิดจากการ นอนดึกเป็นประจำ หรือ ไม่ค่อยทานอาหารเช้าที่มีประสิทธิภาพ บางท่านเป็นเพราะมีปัญหากับระบบย่อย และดูดซึมอาหารมาเป็นเวลานาน
2. หลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดจาก เลือดที่ข้นหนืดไหลเวียนอยู่เป็นเวลานานจนขาดน้ำทำให้หลอดเลือดแข็งขึ้น การบีบตัวของหลอดเลือดทำได้ไม่ดี
3. ท่านั่งหรือท่ายืนที่ก้มคอและหลังอยู่เป็นประจำทำให้เลือดไหลเวียนขึ้นสู่ศีรษะลดลง เกิดของเสียติดขัดไม่ไหลเวียนสู่ระบบกำจัดของเสียทำให้เกิดอาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ ได้ง่าย
4. สรีระห่อไหล่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังด้านบนเกร็งอยู่อย่างต่อเนื่อง เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวกจนปวดตึงเป็นประจำ
———————————-
การแก้ไขอาการปวดหลังช่วงบน
โดยการเพิ่มสารอาหารในเลือด และช่วยให้เลือดส่งผ่านไปสู่เซลล์ของร่างกายได้ทั่วถึง
1. พยายามทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวัน ลักษณะอาหารเช้าควรเป็นอาหารที่ต้องเคี้ยวพอสมควร เพื่อเรียกน้ำย่อยมาย่อยอาหารให้มากขึ้น ไม่ควรทานอาหารที่อ่อนเกินไป (ยกเว้นผู้สูงอายุที่ไม่มีฟัน) เช่น การทานแต่ น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ปาท่องโก๋ ข้าวต้ม น้ำแกง ทุกๆ วัน จะทำให้กระเพาะอาหารของเราอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ จนสร้างเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง
2. พยายามไม่ทานน้ำเย็น น้ำผลไม้ กาแฟ ชาต่างๆ มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายต้องเสียเวลาในการขับสิ่งที่ไม่จำเป็นออกทางปัสสาวะบ่อยๆ ร่วมกับการทานน้ำให้ถูกวิธี
3. ปรับเปลี่ยนท่านั่งในการทำงาน ไม่ควรนั่งก้มคอมากเกินไป เปลี่ยนจุดวางจอให้เสมอกับสายตาของเรา ลดอาการก้มคอเป็นเวลานานได้ ขณะนั่งทำงานหรือยืนให้แขม่วท้องเล็กน้อยหน้าอกจะผายขึ้นโดยอัตโนมัติ
4. ยืดดัดร่างกายให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นคลายตัวอยู่เสมอ โดยจะทำด้วยตนเอง หรือ ไปนวดตามร้านนวดก็ได้
หน้าที่เข้าชม | 206,795 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 176,480 ครั้ง |
เปิดร้าน | 11 ธ.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 19 ส.ค. 2568 |