เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 20 วัน แล้ว

How to - วิธีฝึก
    ปรับความดัน คลายความเครียด   
   
    



                 
             
How to รับมือ ไหล่ติดคอแข็งหลังตึง !


         
 
                 
             





ปรับสมดุลยังไง ให้คลายหลังล่าง ?


(อ่านเพิ่มเติม ที่บทความ)

             

รู้ยัง….วิธีจัดการ ?

ต้นตอปวดร้าวลงขาเมื่อนั่งนาน

 

เมื่อกลุ่มกล้ามเนื้อมัดนี้ (Gluteal muscle) กำลังมีปัญหาไม่สมดุล อ่อนแรง

โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ก้น Gluteus maximus muscle

เมื่อเคลื่อนไหวเข่า หรือเวลาเดิน การเคลื่อนของลูกสะบ้าจะคลูดกับผิวข้อเกิดขัดๆ หรือเสียวๆ ในข้อเข่าก็เป็นได้

 

มีความเจ็บปวดลึกลงไปในก้น กระดูกก้นกบ

ที่ด้านหลังของต้นขา

 

ความไม่สมดุลนี้สะสมนานเข้าจะทำให้กล้ามเนื้อก้นอ่อนแรงมาก

เมื่อนั่งลงจะไม่มีความตึงตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อพยุงก็ทำให้เส้นเอ็นและเส้นประสาทที่ผ่านบริเวณนี้ถูกกดไปกับเบาะที่นั่งจนทำให้เกิดอาการขึ้นมา

และลุกลามไปปวดหลัง ปวดบั้นเอว ปวดกระเบนเหน็บนั้นก็เป็นการทดแทนของร่างกาย เพื่อหาจุดที่สบาย

 

เราปฎิเสธการใช้งานก้นที่ต้องนั่งทุกวันไม่ได้

 

แต่เราช่วยให้กล้ามเนื้อก้นคลายตัวมีความแข็งแรง

ยืดหยุ่นได้ ทั้งทางตรงทางอ้อม

 

ฝึกยืดกล้ามเนื้อทุกวันเท่าที่ไหว ควบคู่การทานเสริมอาหารซ่อมแซมบำรุงส่วนที่เสื่อม เพื่อประสิทธิผลที่ดีกว่าการทานยา คุมอาการปวดไว้นะ

หน้าแรก

  G8 ศูนย์สุขใจ สุขภาพดี ไทยแลนด์
ดูแล ฟื้นฟู บำรุง ทุกปัญหาเรื่อง
กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น
พร้อมให้
คำปรึกษา

เพิ่มเพื่อน
สนใจติดต่อ สายด่วน 099 228-9594 

 

      


                     
   
                     
                   


เพิ่มเพื่อน





#ลดความเสี่ยง เลี่ยงผ่าตัด!!
ธรรมชาติดูแล แบบที่ใช่ ตรงประเด็น หยุดปัญหา

ภัยเงียบ!!! สะบักจม ไหล่ติดที่ต้องระวัง







ทำไมต้อง G8 ?
 
เพราะ ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดเงิน 
และมีผลลัพธ์ จากผู้ที่มีปัญหาคล้ายคุณ มาบอกต่อ ! 















    
           
                     
   
เสียงเตือนจากร่างกาย
#3 ระยะข้อไหล่ติดแข็ง

ระยะที่หนึ่ง : ระยะเจ็บไหล่มีอาการดังนี้
1เจ็บเมื่อมีการเคลื่อนไหวของ แขน
2เจ็บทั่วไปบริเวณหัวไหล่ แต่ ไม่มีจุดกดเจ็บที่แน่นอน
3มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (muscle spasm)
4เจ็บมากขึ้นในเวลากลางคืน หรือเมื่ออยู่นิ่งๆ

ระยะที่สอง : ระยะข้อไหล่ติด มีอาการดังนี้
1อาการเจ็บไหล่ เจ็บแขนลดลง
2เพิ่มอาการติดขัด และจำกัด การเคลื่อนไหวของหัวไหล่
3อาการเจ็บตอนกลางคืนและ ตอนอยู่นิ่งๆ ลดลง
4รู้สึกเจ็บเมื่อมีการเคลื่อนไหว ช่วงสุดท้ายของแขนข้างนั้น

ระยะที่สาม : ระยะฟื้นตัวมีอาการดังนี้
1. อาการเจ็บลดลงเรื่อยๆ
2แขนข้างที่เจ็บจะเคลื่อนไหวได้มากขึ้นอย่างช้าๆ
3การฟื้นตัวจะหายเองได้แต่มักจะเคลื่อนไหวแขนได้ไม่สุดเหมือนที่เคยทำได้

สัญญาณเตือน ในคนไหล่ติด !
การเคลื่อนไหวที่ทำแล้วเจ็บ

1
กางแขนออกด้านข้างแล้วหงายฝ่ามือขึ้น
2. เหยียดแขนขึ้นไปหยิบของเหนือศีรษะ
3เอื้อมมือไปหยิบของซึ่งวางบนเบาะหลังของรถ
4ดันประตูหนักๆให้เปิดออก
5การขับรถในคนไหล่ติดจะมีความลำบากในการหมุนพวง มาลัยรถ
6เมื่อสระผมตัวเอง
7เมื่อถูหลังตัวเอง
8. เมื่อสวมหรือถอดเสื้อยืดเข้าออกทางศีรษะ
9เมื่อติดกระดุมเม็ดล่างด้านหน้าของเสื้อเชิ้ต
10เมื่อล้วงของออกจากกระเป๋าหลังของกางเกง

สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดข้อไหล่ติดยังไม่ทราบแน่ชัด การเกิด ข้อไหล่ติดมักจะเกี่ยวข้องกับโรคอื่นๆ หลายโรค ที่พบบ่อยคือ ในคน ที่มีอาการอัมพาตครึ่งซีก

อาการเจ็บข้อไหล่ (ขัดยอกหัวไหล่) ถ้ารีบแก้ไขตั้งแต่แรกเป็นจะไม่ลุกลาม  

แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว ในทิศทางที่เจ็บ อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการไหล่ติด ไปจนถึงข้อไหล่ ติดแข็งได้ในที่สุด

การฟื้นตัวจากอาการไหล่ติด ถ้าปฏิบัติตนเองจะต้องทราบและเข้าใจหลักการ คือพยายามยืดเยื่อหุ้มข้อไหล่ และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อไหล่




ปรับสมดุล ปวดสลักเพชร

ต้องลอง ถึงจะรู้!

วิธีปรับสมดุลที่จุดนี้คือ

1. นั่งขัดสมาธิเพชร แล้วค่อยๆเอนตัวนอนหงาย ให้หายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมกับพนมมือยึดไปทางศีรษะให้สุด เมื่อหายใจเข้าไปแล้วให้กลั้นไว้ นับ ๑-๑๐ ในใจ จึงค่อยๆเป่าลมออก ทำอย่างนี้จนอาการค่อยดีขึ้น

การหายใจเข้าไปลึกๆ คือ การเอาออกซิเจนเข้าไปแลกเปลี่ยนเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทิ้ง

หินปูนและพังผึด ที่เกาะบริเวณนี้ จะค่อยๆสลายไป เนื่องจากบริเวณที่มีเลือดเป็นกรด จะเกิดหินปูนเกาะได้ เมื่อแลกเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ความเป็นกรดของเลือดก็จะลดลง แต่ถ้าปรับด้วยวิธีนี้แล้ว ยังไม่หายดี ก็ควรใช้วิธีต่อไป


2. ปรับโดยวิธีการกดจุดสลักเพชร - จุดถุงน้ำดี ด้วยการใช้ตั้งแต่นิ้วโป้ง ฝ่ามือ ส้นเท้า เข่า หรือไม้สำหรับกดจุด กดบริเวณนี้ โดยเริ่มจากเบาที่สุดก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักในการกด เริ่มจากนิ้วโป้งไปตามลำดับหรือตามชอบ โดยการคลึงไปให้ทั่วๆ รอบๆ จุดสลักเพชรพร้อมกับให้คนไข้ปรับลมหายใจ ด้วยการหายใจเข้าลึกๆ แล้วเป่าลมออกยาวๆ เพื่อลดอาการเจ็บเวลาถูกกดจุด


3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เช่น รีบเข้านอนก่อนสามทุ่ม หากเกิดความเครียดเมื่อไหร่ ให้รีบปรับลมหายใจให้หายใจยาวๆไว้ก่อน เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ชั่วคราว เปลี่ยนอิริยาบถทุกชั่วโมง หันมานับลมหายใจให้ได้อย่างน้อย ๓๐๐ ครั้ง เพื่อให้จิตอยู่กับลมหายใจแทน


4. นอนหงายราบกับพื้น ชันเข่าทั้งสองข้าง ปลายเท้าชิดกันอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเริ่มต้นบริหารโดยโยกขาทั้งสองข้างเหมือนผีเสื้อกระพือปีกบินอย่างช้าๆ ทำไปพร้อมกับปรับลมหายใจให้เข้ากับท่ากระพือ ตอนที่กำลังแบะขาออกนั้นให้พยายามแบะมากๆ(ให้เข่าติดพื้นทั้งสองข้าง) อาจจะเจ็บนิดๆ แต่เมื่อบริหารไปบ่อยๆ จะค่อยๆดีขึ้นเอง


5. ใช้ท่านอนคว่ำ เอามือแนบลำตัว คอพลิกตะแคงขวา หายใจเข้าไปลึกๆ แล้วค่อยๆเป่าลมออก พร้อมกับเหยียดเท้าซ้ายให้ตึงยกขึ้นช้าๆ เอี้ยวคอทางขวาขึ้นมามองปลายเท้าซ้ายให้ได้ เมื่อทำได้แล้ว ก็ให้พลิกคอไปอีกข้างหนึ่ง แล้วยกขาขวาเหยียดตึงขึ้นเอี้ยวคอทางซ้ายเพิ่อมองปลายเท้าซ้ายให้ได้ ทำอย่างนี้ไปมาจนอาการปวดดีขึ้น

ทุกครั้งที่จะปรับสมดุล ควรดื่มน้ำผักผลไม้ปั้น เช่น น้ำผักปั่น หรือ น้ำคั้นผักใบเขียวต่างๆที่หาได้ง่ายๆในพื้นที่ เช่น หญ้าปักกิ่ง หญ้าม้าอ่อมแซบ ใบหญ้านาง ใบกระเจี๊ยบ ยิ่งหาได้หลายชนิดยิ่งดี นำมารวมกัน แล้วใส่น้ำมะนาว หรือน้ำมะขาม ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลแดงนิดหน่อย พอหวาน เพื่อให้รสอร่อยเป็นกลาง เมื่อดื่มก่อนปรับสมดุลทุกครั้ง จะทำให้ร่างกายปรับสมดุลได้เร็วยิ่งขึ้น

การที่เรามีปัญหาที่จุดสลักเพชรนั้น หมายถึงร่างกายกำลังต้องการสารอาหารจำนวนมากไปสร้างเม็ดเลือด ฮอร์โมน และน้ำหล่อเลี้ยงในส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าปวดมากแสดงว่าขาดสารอาหารมาก เราควรใช้การปรับสมดุลตามวิธีที่ได้กล่าวมาแล้ว



อาการปวดหลังช่วงบนของร่างกาย

เมื่อสารอาหารในเลือดไม่สามารถส่งไปทั่วร่างกายได้ ร่างกายของเราจะสื่อสารผ่านอาการปวดตึงช่วงบ่า ตามแนวเส้นลมปราณถุงน้ำดี บางท่านจะมีอาการปวดตึงขึ้นศีรษะ มึนศีรษะ ชามือเป็นประจำร่วมด้วย

สาเหตุที่สารอาหารในเลือดไม่สามารถส่งผ่านไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เพราะ
1.
สารอาหารในเลือดน้อยลงมาก เกิดจากการ นอนดึกเป็นประจำ หรือ ไม่ค่อยทานอาหารเช้าที่มีประสิทธิภาพ บางท่านเป็นเพราะมีปัญหากับระบบย่อย และดูดซึมอาหารมาเป็นเวลานาน
2.
หลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดจาก เลือดที่ข้นหนืดไหลเวียนอยู่เป็นเวลานานจนขาดน้ำทำให้หลอดเลือดแข็งขึ้น การบีบตัวของหลอดเลือดทำได้ไม่ดี
3.
ท่านั่งหรือท่ายืนที่ก้มคอและหลังอยู่เป็นประจำทำให้เลือดไหลเวียนขึ้นสู่ศีรษะลดลง เกิดของเสียติดขัดไม่ไหลเวียนสู่ระบบกำจัดของเสียทำให้เกิดอาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ ได้ง่าย
4.
สรีระห่อไหล่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังด้านบนเกร็งอยู่อย่างต่อเนื่อง เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวกจนปวดตึงเป็นประจำ
———————————-
การแก้ไขอาการปวดหลังช่วงบน
โดยการเพิ่มสารอาหารในเลือด และช่วยให้เลือดส่งผ่านไปสู่เซลล์ของร่างกายได้ทั่วถึง
1.
พยายามทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวัน ลักษณะอาหารเช้าควรเป็นอาหารที่ต้องเคี้ยวพอสมควร เพื่อเรียกน้ำย่อยมาย่อยอาหารให้มากขึ้น ไม่ควรทานอาหารที่อ่อนเกินไป (ยกเว้นผู้สูงอายุที่ไม่มีฟัน) เช่น การทานแต่ น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ปาท่องโก๋ ข้าวต้ม น้ำแกง ทุกๆ วัน จะทำให้กระเพาะอาหารของเราอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ จนสร้างเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง
2.
พยายามไม่ทานน้ำเย็น น้ำผลไม้ กาแฟ ชาต่างๆ มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายต้องเสียเวลาในการขับสิ่งที่ไม่จำเป็นออกทางปัสสาวะบ่อยๆ ร่วมกับการทานน้ำให้ถูกวิธี
3.
ปรับเปลี่ยนท่านั่งในการทำงาน ไม่ควรนั่งก้มคอมากเกินไป เปลี่ยนจุดวางจอให้เสมอกับสายตาของเรา ลดอาการก้มคอเป็นเวลานานได้ ขณะนั่งทำงานหรือยืนให้แขม่วท้องเล็กน้อยหน้าอกจะผายขึ้นโดยอัตโนมัติ
4.
ยืดดัดร่างกายให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นคลายตัวอยู่เสมอ โดยจะทำด้วยตนเอง หรือ ไปนวดตามร้านนวดก็ได้

 



โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท หรือ
หมอนรองกระดูกทับเส้น
ตรวจให้แน่ใจ! ก่อนผ่าตัด เพราะอาจรักษาผิดที่
แก้ไม่ตรงจุด ก็ไม่หาย







ความแตกต่างของโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท กับ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (piriformis syndrome)


- เกิดอาการปวดลึกๆที่แก้มก้น หรือก้นย้อยเท่านั้น มักจะคลำหาจุดกดเจ็บได้ยาก รู้สึกแค่ว่าปวดที่ก้นลึกๆ

- เมื่อปวดมากขึ้นอาจมีอาการปวดก้น และร้าวลงต้นขาด้านหลัง หน้าแข้ง บางรายอาจมีอาการปวดที่ข้อเท้าร่วมด้วย
- อาการปวดเพิ่มมากขึ้น เมื่อนั่งนานๆ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพขับรถ
- อาการปวดจะทุเลาลงเมื่อลุกขึ้นยืน เดิน (แต่ในบางรายที่ปวดเรื้อรังอาจจะปวดตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่งหรือยืน)
- บางรายมีอาการชาที่ขาร่วมด้วย และจะชามากขึ้นเมื่อนั่งเป็นเวลานาน จนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมายืนก็มี
- พบจุดกดเจ็บที่ก้น และเมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่จุดกดเจ็บนั้น จะรู้สึกปวดร้าวชาร้าวลงไปของขาข้างนั้นๆ




โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 

- มีอาการชาร้าวลงขา (อาการคล้ายกับ piriformis syndrome นะครับ)

- พบจุดกดเจ็บกระดูกสันหลังของข้อที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน และในรายที่เป็นมากจะมีอาการปวดแปล๊บทั่วไปทั้งแผ่นหลัง แม้เพียงแตะเล็กน้อยก็จะเจ็บมากจนต้องร้องโอดโอย (ในโรค piriformis syndrome จะปวดลึกๆที่ก้นเท่านั้น ไม่มีอาการปวดหลังใดๆ)
- ไอ จามจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น (โรค piriformis syndrome ต่อให้ไอทั้งวันก็ไม่ทำให้อาการปวดเพิ่มขึ้น)
- เมื่อนั่งจะรู้สึกสบาย อาการปวดแปล๊บและชาลดลง แต่เมื่อยืนเดินอาการปวดแปล๊บและชาจะเพิ่มมากขึ้น ในผู้ป่วยบางรายเดินเพียง 5 นาทีก็ต้อนั่งแล้วเพราะทนอาการชาไม่ไหว (ผู้ที่เป็นโรค piriformis syndrome อาการปวดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนาน และรู้สึกปวดลึกๆหน่วงๆไม่ใช่อาการปวดแปล๊บเหมือนไฟช็อต)
- กล้ามเนื้อหลังตึงเกร็งจนสังเกตุเห็นได้ว่าผู้ป่วยจะเดินหลังแข็งเหมือนหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน (ในโรค piriformis syndrome ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะเดินขากระเพกเหมือนคนขาเจ็บ แต่ในรายที่ปวดไม่มากนั้นเดินเหมือนคนปกติทั่วไป)
- ในรายที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา จะพบว่ากล้ามเนื้อขาข้างที่ชานั้นมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ (การฝ่อลีบของกล้ามเนื้อก็เกิดขึ้นได้เช่นกันในผู้ป่วย piriformis syndrome)
- เมื่อแอ่นหลังผู้ป่วยจะปวดและชามากขึ้น แต่เมื่อก้มหลังอาการจะทะเลาลง (จะแอ่นจนหลังหัก หรือก้มหลังจนมองลอดหว่างขาก็ไม่สามาารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้ในโรค piriformis syndrome)

รับข้อมูลเพิ่ม คลิ๊กที่ภา


ปวดกระดูก ข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากการที่กระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่ปกป้องและเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกในข้อเข่ามีการสึกหรอและเสื่อมสภาพลง หากกระดูกอ่อนนี้เสียหายเป็นพื้นที่กว้าง กระดูกในข้อเข่าจะเสียดสีกันเอง ทำให้เกิดการอักเสบและมีอาการปวด
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
    • พันธุกรรมและความผิดปกติแต่กำเนิดบางชนิด เช่น ขาหรือเข่าผิดรูป 
      • น้ำหนักตัวมาก (BMI มากกว่า 23 กก./ม.2)
      • ประวัติการบาดเจ็บที่ข้อเข่า ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมได้สูง โดยอาจเป็นผลจาก
        • การบาดเจ็บ โดยถึงแม้ร่างกายจะมีการซ่อมแซมตัวเองหลังการบาดเจ็บ โครงสร้างข้อเข่าก็อาจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
        • ได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง
      • การใช้ข้อเข่าหักโหมซ้ำๆ หรือท่าทางบางอย่างที่ต้องงอเข่ามากเกินไป เช่น การคุกเข่า หรือนั่งยองๆ ซึ่งทำให้เข่าต้องรับแรงกดสูงกว่าปกติเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง
      • โรคไขข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ เกาต์ ส่งผลให้กระดูกอ่อนถูกทำลายจนกระทั่งหมดไป ทำให้เกิดอาการปวดและข้อติดแข็งตามมา
      การวินิจฉัยโรคข้อเข่าเสื่อม
      • การซักประวัติอาการและการเจ็บป่วย และตรวจร่างกาย
      • การเอกซเรย์
      • การเจาะเลือด
      • การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เพื่อดูโครงสร้างของข้อเข่า เช่น การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การสแกนด้วยคอมพิวเตอร์การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
        • การรักษาที่ไม่ใช่การผ่าตัด ช่วยบรรเทาอาการปวดและช่วยให้เข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ได้แก่
          • ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ได้แก่ รับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อควบคุมน้ำหนักตัว ออกกำลังกายชนิดส่งแรงกระแทกข้อเข่าน้อยเป็นประจำ เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เดิน เพื่อส่งเสริมให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้น
          • ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักตัวมากเกินไป เพื่อลดแรงกดบนข้อเข่า
          • รับประทานยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
          • กายภาพบำบัด
          • ใช้แผ่นรองด้านในรองเท้าและสนับเข่า เพื่อช่วยพยุงและลดแรงกระทบต่อเข่า


       

      ระบบสมาชิก

      สถิติร้านค้า

      หน้าที่เข้าชม206,795 ครั้ง
      ผู้ชมทั้งหมด176,480 ครั้ง
      เปิดร้าน11 ธ.ค. 2559
      ร้านค้าอัพเดท19 ส.ค. 2568

      ติดต่อเรา

      0992289594

      ติดตามสินค้า

      รายการสั่งซื้อของฉัน
      เข้าสู่ระบบด้วย
      เข้าสู่ระบบ
      สมัครสมาชิก

      ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
      สมัครสมาชิก (ฟรี)
      รายการสั่งซื้อของฉัน
      ข้อมูลร้านค้านี้
      ร้านG8 sukjai goodhealth by porpra
      G8 sukjai goodhealth by porpra
      ตอบโจทย์ทุกปัญหา อาการ ด้านสุขภาพ ที่เกี่ยวกับ กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ตั้งแต่ ศีรษะจรดเท้า โดยการปรับสมดุลร่างกาย ด้วยการทานเสริมอาหาร เพื่อช่วยบำรุง ฟื้นฟู ให้ระบบรักษาร่างกายในตัวเรา กลับมาทำงานซ่อมแซม สร้าง ได้เหมือนเดิมแบบธรรมชาติบำบัด - เป็นแพทย์ทางเลือก - เสริมอาหารสกัดจากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารเคมี และไม่มีสารสเตียรอยด์ - ปลอดภัย มี อ.ย.ถูกต้อง
      เบอร์โทร : 0992289594
      อีเมล : prisdarun@yahoo.com
      ส่งข้อความติดต่อร้าน
      เกี่ยวกับร้านค้านี้
      สินค้าที่ดูล่าสุด
      ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
      สินค้าที่ดูล่าสุด
      บันทึกเป็นร้านโปรด
      Join เป็นสมาชิกร้าน
      แชร์หน้านี้
      แชร์หน้านี้

      TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
      พูดคุย-สอบถาม