#ความรักพ่อแม่...ที่ยิ่งใหญ่
อ่านแล้วน้ำตาซึม…ซาบซึ้งมากค่ะ
💕💕💕💕💕
ไม้คานที่หัก....
เนื่องจากบ้านเกิดของผมอยู่แถวเยาวราช ทำให้มีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ และก็จะมีคนแบกของมาขาย ผ่านหน้าบ้านเป็นประจำ แต่จะมีอาแปะขายก๋วยเตี๋ยวแคะ อาแปะผู้มีอัธยาศัยดี เขย่าลวกเส้นไปยิ้มไป ใจดี แถมลูกชิ้นให้บ่อยๆ สั่งกินทีไร ได้ปริมาณมากกว่าคนอื่นทุกที
"อาเฮีย ไม่ต้องแถม กำไรไม่มาก หาบมาก็หนัก
ให้อาตี๋เหมือนคนอื่นๆ ถ้าอีไม่อิ่ม ก็ซื้ออีกชาม "
ปะป๊าเอ่ยกับอาแปะ ผมซึ่งกำลังคีบเส้นหมี่อยู่คาปาก ยังส่งยิ้มพยักหน้ากับคำว่า อีกชามของปะป๊าได้ คิดในใจว่า แห้งชาม น้ำชาม กำลังดี
อาแปะยิ้ม บอกกับปะป๊าว่า
" อาตี๋อีใจดี เอาน้ำชาเย็นๆมาให้อั๊วทุกครั้ง
เปิดน้ำก๊อกให้ล้างหน้าคลายร้อน อีใจดีกับอั๊ว อั๊วก็ต้องใจดีกับอี "
ปะป๊ายิ้ม หันมาบอกผมว่า
"ขอบคุณอาแปะซิ อาแปะชมลื้อนะ"
ผมวางชามลงบนตัก ยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณอาแปะ
ผมคิดเอาเองว่า หาบของอาแปะนั้นต้องหนักมากๆ และเดินมาไกล คงทั้งเหนื่อยและเมื่อย แถมเตาก็ส่งไอร้อน และ มีควัน
น้ำชาเย็นๆกับน้ำจากก๊อก คงช่วยทำให้คลายร้อน หายเหนื่อยลงได้บ้าง และที่สำคัญ อาแปะไม่เคยร้องขอ ไม่เคยเดินไปเปิดก๊อกเองในยามที่ผมไม่ว่างมาเปิดให้ ทำให้ผมมองว่า อาแปะเป็นคนมีมารยาทที่ดี ไม่ถือวิสาสะ ให้ก็รับ ไม่ให้ก็ไม่เรียกร้อง คนแบบนี้ผมชอบ ชอบมาจนถึงปัจจุบัน หากใครเดินเข้ามาเพื่อเรียกร้อง ผมจะรู้สึกว่า น่ารังเกียจ แต่ถ้าคิดแล้วว่า สมควรให้ ผมจะให้เอง
อาแปะ ขยัน อดทน ขายหมดทุกวัน ผมก็รู้สึกดีใจด้วยทุกครั้ง อาแปะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินขายอีก ครั้งหนึ่ง เมื่อฝนตกหนัก อาแปะถอดเสื้อยืดออกมาบิดน้ำ ผมมองเห็นบ่าทั้งสองข้างของอาแปะเป็นรอยด้าน บ่งบอกถึงน้ำหนักของหาบที่แบกมานานวัน กว่าจะได้เงินแต่ละบาท
ต้องใช้ความอดทนมากเพียงใด?! แต่อาแปะก็ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนหน้า ซ่อนความเหนื่อยไว้ภายใน
อาแปะเป็นคนที่อัธยาศัยดี รสชาติก๋วยเตี๋ยวก็แสนอร่อย ลูกค้าย่อมมากเป็นธรรมดา
แถมอาแปะยังใจดี บ้านไหนยากจนมีลูกมาก หิ้วหม้อมาซื้อเกาเหลา อาแปะจะทำให้ในปริมาณมากเป็นพิเศษ แต่คิดในราคาธรรมดา ในยุคนั้น น้ำใจไมตรี เบ่งบานกว่าน้ำเงินเสมอ
แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
วันนั้น อาแปะมาวางหาบ ที่หน้าบ้านพอดี แต่ผู้คนในวันนั้นไม่ค่อยคึกคักเหมือนเช่นทุกวัน อาแปะขายได้ไม่กี่ชาม นั่งคุยกับปะป๊าอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยลา อาแปะบอกว่า "วันนี้เตรียมของมามากกว่าทุกวัน ต้องรีบไปเดินขาย ต้องไปให้ทันโรงงานซอยโน้น แล้วจะเลยไปขายที่ตลาด จะได้กลับบ้านเร็วหน่อย"
กล่าวจบ!! อาแปะส่งยิ้ม แบกหาบขึ้นบ่า
มือข้างหนึ่ง หิ้วถังน้ำ ออกก้าวเดินได้เพียงสามสี่ก้าว เสียงดัง "เป๊าะ!!!" ไม้คานหัก ตู้ทองเหลืองทั้งสองฝั่งหล่นลงกระแทกพื้น ถังน้ำหลุดจากมือ ร่างอาแปะทรุดลงกับพื้น!!
ผม กับหม่าม้า ร้องออกมาด้วยความตกใจ ปะป๊าสติดีกว่าใคร วิ่งเข้าไปประคองร่างอาแปะขึ้นนั่ง
ปะป๊าบอกหม่าม้า ให้เปิดประตูให้กว้าง จะพาอาแปะเข้าไปในบ้าน พูดจบปะป๊าก็อุ้มอาแปะ ก้าวเข้าบ้าน วางลงบนโซฟาหวายที่มีเบาะนิ่มที่สุดในโลก (ผมชอบนอนหลับอยู่บนโซฟาบ่อยๆ สมัยเด็กๆ) ปะป๊าเอาเซียงเพียวอิ๊วทาที่จมูก ขมับ และนวดเบาๆตรงหลังหู
ปากก็พร่ำเรียก...
" อาเฮีย อาเฮีย ได้ยินผมไหม อาเฮีย "
แต่อาแปะยังคงเงียบ ปะป๊าหันมาสั่งหม่าม้า และ ผม ให้มานวดแขนขาให้อาแปะ ปะป๊าจะไปแต่งตัว เตรียมรถ
บ้านใกล้เรือนเคียง ต่างมามุงดู อยู่หน้าบ้าน หม่าม้าส่งเสียงออกไป
" ใครมีแรง ยกหาบมาเก็บในบ้านอั๊วให้ที"
หลายคนช่วยกัน ดีว่าตู้ทองเหลืองไม่ได้รับความเสียหายเท่าไหร่ ข้าวของยังอยู่ครบ อาจเพราะน้ำหนักมาก เวลาอาแปะหาบ อยู่สูงจากพื้นแค่คืบกว่า ความเสียหายจึงน้อยนิด แต่ไม้คานคงนำกลับมาใช้ไม่ได้แล้ว
ใครคนหนึ่งส่งเสียงมาว่า
" เจ้ ไม้คานหักแล้ว ทิ้งเลยนะ "
หม่าม้ารีบโบกมือส่งเสียงปราม
" ไม่ได้ ไม่ได้ เก็บเข้ามาก่อน เผื่ออาเฮียแกอยากจะเก็บไว้ "
ปะป๊าเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เดินไปที่รถ ปรัปเบาะข้างคนขับให้เอนนอน
แล้วเดินกลับมาอุ้มอาแปะไปนั่งในรถ
ปะป๊าจับที่ข้อมืออาแปะ
หันมาบอกหม่าม้า
"ชีพจรยังดี เฮียจะพาไปโรงพยาบาลกลาง
ดูแลข้าวของอาแปะดีดี แล้วปิดประตูบ้านซะ"
พอปะป๊าก้าวขึ้นรถ
อาแปะ: "อาเฮีย อาเฮีย ไม่ต้องไปโรงหมอ อั๊วไม่เป็นไร "
ปะป๊า: "อาเฮีย ตอนนี้รู้สึกยังไง เจ็บที่หลังหูมากไหม ปวดหัวหรือเปล่า"
อาแปะ: "อั๊วมึนๆหัว ลืมตาไม่ขึ้น"
ปะป๊า: "ไปให้หมอตรวจเสียหน่อย เรื่องของไม่ต้องห่วง ให้อาง๊วยอีจัดการนะ "
ปะป๊าพูดจบ รถของปะป๊าเคลื่อนตัวออกไป หม่าม้าก็หันมาสั่งผม
"ลื้อขี่จักรยานไปที่โรงงานซอยโน้น บอกคนงานว่า อาแปะก๋วยเตี๋ยวแคะ ไม้คานหัก
วันนี้จะขายแค่หน้าบ้านเรา แม่ค้าคนสวยจะเขย่าก๋วยเตี๋ยวขายแทน ไปรีบๆไป"
ผมยิ้มขำกับคำว่า
... แม่ค้าคนสวย...
หม่าม้า: "วันนี้ขายก๋วยเตี๋ยวกันนะ"
ผม: "หม่าม้าทำเป็นเหรอ?"
หม่าม้า: "ง่ายกว่าตัดเสื้อตั้งเยอะ แต่จำไม่ได้ว่าใส่ลูกชิ้นกี่ลูก"
ผม: "ถ้าใส่ทุกอย่าง ก็อย่างละลูกครับ ผมกินบ่อย จำได้ครับ"
หม่าม้า: "ตกลงวันนี้ลื้อช่วยหม่าม้าขายของล้างถ้วยด้วยนะ (แต่โชคดีได้พี่พี่ในโรงงานมาช่วยกัน)
ผม: "ได้เลยครับ"
พอเที่ยงๆ ชาวโรงงานอีกซอยก็เดินเรียงแถวกันมา หม่าม้าขายไปก็เล่าเหตุการณ์ไป...
ดูหม่าม้าจะสนุกกับการขายก๋วยเตี๋ยว ผมก็สนุกไปด้วย
เพียงชั่วโมงกว่าๆ ตู้ก๋วยเตี๋ยวก็ว่างเปล่า
บ่ายแก่ๆ ปะป๊าก็พาอาแปะกลับมา
เมื่อจอดรถสนิท อาแปะก้าวลงมาได้เองพร้อมรอยยิ้ม สายตาอาแปะมองไปที่ตู้ทองเหลือง
แววตาสลดลงทันที พูดออกมาเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง "ข้าวของ คงเสียหายหมด"
หม่าม้าส่งยิ้มมาจากโต๊ะกินข้าว บอกกับอาแปะว่า "อาเฮีย มาเจียะม้วยก่อน ไปหาหมอหลายชั่วโมง คงหิวแล้ว"
ปะป๊าประคองอาแปะ นั่งลงที่เก้าอี้
ปล่อยให้อาแปะนั่งกินข้าว
ส่วนปะป๊าเปิดท้ายรถ จัดเรียงข้าวของของอาแปะใส่ท้ายรถและเบาะด้านหลัง
ส่วนไม้คานที่หักทั้งสองท่อน..
ปะป๊านำมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
อาแปะกินข้าว กินน้ำเสร็จแล้ว
หม่าม้ายกกระป๋องสตางค์มาวางตรงหน้าอาแปะ
"อาเฮีย เงินค่าก๋วยเตี๋ยว"
อาแปะทำตาโต คงจะทั้งดีใจ ทั้งสงสัย
หม่าม้าเลยบอกว่า "ตู้ก๋วยเตี๋ยวแค่หล่นลงพื้น บุบนิดๆหน่อยๆ น่าจะซ่อมได้ ส่วนก๋วยเตี๋ยวอั๊วขายให้หมดแล้ว"
อาแปะกลืนน้ำลายลงคอ
ยิ้มของอาแปะมาพร้อมน้ำใสๆที่ไหลเอ่อที่ดวงตา
"อาซ้อ อาซ้อ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ อั๊วขอบคุณ ขอบคุณ"
"ไม่ต้องขอบคุณอั๊ว ขอบคุณคนโรงงานซอยโน้นกับคนแถวนี้เถอะ พวกเค้ารู้ว่าอาเฮียเจ็บ ก็เดินมาอุดหนุน ทุกๆคนเป็นห่วงอาเฮียนะ"
อาแปะยิ้ม ก้มหน้าลงดึงคอเสื้อขึ้นมาซับน้ำตา
เสียงสะอื้น รอยยิ้ม พยักหน้าซ้ำๆ
อากัปกิริยาที่อาแปะทำนั้น
ผมรู้สึกได้ว่า แกตื้นตันใจ
ปะป๊าลงมานั่งข้างๆอาแปะ
"อาเฮียเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีใครๆก็อยากอยู่ใกล้ ยามเดือดร้อนก็มีแต่คนอยากช่วยเหลือ
ถึงได้มีคนเปรียบเอาไว้ว่า...
" คนดีนั้นตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ "
อาแปะพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ปะป๊าเอาไม้คานมาวางบนตัก พลิกดูไปมา ปะป๊าชี้ที่อักษรจีนที่แกะสลักในเนื้อไม้ อ่านออกเสียงเบาๆว่า "อดทน"
"คงใช้ไม่ได้แล้วละ หักแบบนี้!!
ดามแล้วคงได้แค่เก็บเป็นที่ระลึก คงรับน้ำหนักอะไรไม่ได้ "
อาแปะยื่นมือรับไม้คานจากปะป๊า
"เก่ามากแล้วอันนี้ อยู่ด้วยกันมานาน"
ปะป๊ามองอาแปะแล้วถอนหายใจ...
อาแปะเล่าว่า ระยะหลังสุขภาพไม่ค่อยดี
ลูกๆโตแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย
แกกลัวลูกๆจะลำบาก แกจึงเพิ่มจำนวนของในแต่ละวัน เพื่อรายได้ที่มากขึ้น จะเก็บหอมรอมริบเอาไว้ให้ลูก เพราะเกรงว่า วันข้างหน้าลูกๆจะลำบาก
ปะป๊าฟังจบ ถอนหายใจเป็นครั้งที่สองก่อนจะเอ่ยว่า
"อาเฮีย ไม้คานอันนี้ เป็นไม้เนื้อแข็ง ยังหักลงได้
หากน้ำหนักที่ต้องแบกนั้นมากเกินไป ร่างกายคนเราเป็นเพียงก้อนเนื้อ มีเส้นเอ็นบางๆอยู่ภายใน วันหนึ่งต้องทรุดโทรมตามกาลเวลา
การเป็นพ่อคน ก็เปรียบเสมือนหาบคอนลูกไว้บ่นบ่า แต่เมื่อพิจารณาว่าลูกโตพอที่จะเดินเองได้
เราก็ได้แต่เฝ้ามอง ชี้ทางที่ถูกที่ีควรให้เค้า
ส่วนเค้าจะแข็งแรง ก้าวเดินได้อย่างมั่นคง
เค้าจะต้องมีประสบการณ์จากการเรียนรู้
ผมว่า อาเฮียควรเอาไม้คานอันนี้
เก็บไว้แบบนี้ เอาไว้สอนลูกว่า
วันหนึ่งข้างหน้า พ่อแม่ที่เคยแข็งแรง
จะต้องป่วยไข้ หมดประโยชน์ และหักโค่นลง
จะได้เป็นเครื่องเตือนใจพวกเค้า
ให้เก็บเกี่ยวในสิ่งดีดีที่พ่อแม่สอน
ไปดำเนินชีวิต ด้วยความอดทน ก่อความเข้มแข็ง รู้หน้าที่ตน วันที่หมดพ่อแม่จะได้ไม่ลำบาก "
อาแปะนิ่งฟัง แล้วพยักหน้า เห็นด้วย
เขียนมาถึงตรงนี้ รู้สึกคิดถึงปะป๊าจับใจ ตั้งแต่เล็กจนโตนั้น ปะป๊าเหนื่อยหนักหนา เหนื่อยจนกลายเป็นความเคยชิน สองบ่าของปะป๊า แบกชีวิตลูกๆเอาไว้ เฉกเช่นเดียวกับพ่อที่ดีทุกคน ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อลูก
รักและคิดถึงนะครับ ปะป๊า
กุ่ย
25 ก.ค. 2565
หน้าที่เข้าชม | 206,821 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 176,506 ครั้ง |
เปิดร้าน | 11 ธ.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 19 ส.ค. 2568 |